ชาวเน็ตติด #BoycottBOC หลังผู้บริหารโพสต์คลิปกอดให้กำลังใจ บิว จักรพันธ์

# BoycottBOC ยังเป็นประเด็นร้อน ที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์ อย่างหนัก สำหรับกรณีนักแสดงหนุ่ม ซีรีส์วาย บิว จักรพันธ์ พุทธา เปิดใจแถลงข่าว ครั้งแรกปมประเด็นรังควานร่างกายอดีตแฟนสาวนักเขียน
ที่นอกเหนือจากที่จะไม่ได้ออกมา แถลงคู่กับอดีตแฟน สาวตามที่ต้นสังกัด Be On Cloud แจ้งไว้ในจดหมายตั้งแต่แรก
เนื่องจากว่าฝ่ายหญิง ต้องการจะกล่าวเรื่องดังกล่าว ในชั้นศาล ทำให้ บิว จักรพันธ์ ออกมาเปิดใจ เพียงคนเดียว แล้วก็ในคลิปดังกล่าว
ก็มีเพียงแต่ไม่กี่นาที และก็ ไม่ได้ออกมาชี้แจงถึง เรื่องที่เกิดขึ้นแบบชัดเจน ทำให้กระแส ยิ่งร้อนแรงมากขึ้น

และก็กระแส ดังกล่าวดูจะยิ่ง ร้อนแรงมากขึ้นกว่าเดิม เมื่อ ปอนด์ กฤษดา วิทยาขจรเดช ผู้บริหารค่าย Be On Cloud ก็โพสต์คลิปกอด บิว จักรพันธ์
พร้อมทั้งเขียนข้อความว่า “บิวไม่เคยเป็นน้องที่ไม่น่ารัก หรือ ไม่ดีกับพี่แม้แต่ครั้งเดียว และมันยังคงเป็นแบบนั้นเสมอ ขอให้ทุกอย่างกับทุกคนดีขึ้น และ เหมาะสมในเร็ววัน @บิวคนใหม่”

จากนั้น ก็มีแฟนคลับ รายหนึ่งคอมเมนต์ว่า “you never protected him, stop acting like you care” ซึ่งหมายความว่า
คุณไม่เคยปกป้องเขา เลิกทำเป็นเหมือน คุณแคร์เขาได้แล้ว ก่อนที่ปอนด์จะตอบกลับไปแบบสุดเดือดว่า
“ยุ่งไรวะ รู้ไร ว่าเค้าผ่านไร กันมาบ้าง นี่ ig ส่วนตัวจะโพสต์ไรก็เรื่องของเจ้าของ ig ไม่ถูกใจ ก็ block ไปดิ จะมาดูมาเม้นเพื่อไรวะ สะเหล่อ”

ทำเอาชาวเน็ต ที่ได้เห็นคลิปและก็ ข้อความดังกล่าว พากันโพสต์ข้อความ วิจารณ์สนั่นโซเชียล แล้วก็ติดแฮชแท็ก #BoycottBOC
อาทิ #BoycottBOC อันนี้ช็อกจริง ๆ นะ อย่าไปมองหา ถึงความเป็นคนเลย เอาแค่วุฒิภาวะ ในฐานะซีอีโอค่าย ก็ไม่ผ่านแล้วปะ
การควบคุมอารมณ์แสดงออกต่อที่สาธารณะติดลบอะ ทราบดีว่าตัวเองมีซอฟต์พาวเวอร์หลายด้านแต่ก็ยังเลือกที่จะแสดงออกแบบนี้ โคตรแย่,
กว่าจะเข็น ยอดฟอล ขึ้นได้แต่ละที วันนี้พังทลาย เพราะว่าอิปธ.ค่ายพาล้มทีเดียว
ตู้มมมมม จาก9แสนเหลือแค่นี้แหละ แล้วก็ยอดลง เรื่อย ๆ ทุกช่องทาง ก็ตามนั้นแหละ #BoycottBOC,

“ลดความเป็นครอบครัว เพิ่มความเป็นคนบ้างนะประธาน” มีความเป็นกลาง ของประธาน = # BoycottBOC ฯลฯ

นอกนั้น ยังมีคนตั้ง ข้อสังเกตว่า การแสดงดนตรี KinnPorsche World Tour 2023 ซึ่งเป็นคอนเสิร์ต ของค่าย Be On Cloud ที่จะจัดขึ้น วันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2566
โดยเปิดให้ กดจองบัตรวันนี้ (29 ม.ค. 2566) บัตรเหลือมากมายกว่าปกติ ทั้งยังที่งานก่อนหน้า นี้บัตรหมดเกลี้ยงภายในไม่กี่นาที
กลายเป็นกระแสวิจารณ์แล้วก็ติดแฮชแท็ก #kinnporscheworldtourinbkk คู่กับแฮชแท็ก #BoycottBOC ด้วย

“บิว จักรพันธ์” ประกาศ ลาออกจากค่าย รับชีวิตพังทลายจากข่าวสาร หายใจยังผิด พร้อมสู้คดี แฟนนักเขียนที่ชั้นศาล

“บิว จักรพันธ์” แถลงลาออก จากการ เป็นนักแสดงสังกัด Be On Cloud ยันที่ผ่านมากล่าว ด้วยความซื่อสัตย์จริง แต่ความจริง ที่เห็นในนั้น
ไม่ใช่ความจริงทั้งหมด บอกชีวิตพังทลาย แม้แต่หายใจ ก็ยังผิด พร้อมสู้ที่ชั้นศาล

หลังจากที่ต้นสังกัด Be On Cloud ออกมายกเลิก การแถลงข่าวสาร คู่กันเมื่อวานนี้ กับกรณี “บิว จักรพันธ์ พุทธา” นักแสดงซีรีส์วายเรื่อง “KinnPorsche The Series”
โดนอดีตแฟน สาวนักเขียน “ปอย พรรธน์ชญมน ธีวสุเจริญ” แฉพฤติกรรม ด้านมืด บนโลกโซเชียล และปฎิเสธ ที่จะร่วมแถลงข่าวสาร
จัดการประเด็นคู่กัน หลังจากที่เคยแจ้ง ไว้ก่อนหน้านี้ โดยแฟนสาวนักเขียน ได้ร่อนจดหมายอธิบายเหมือนกัน
พร้อมบอกว่า เจอกันที่ศาลเท่านั้น แล้วก็จะเอาเรื่องให้ถึงที่สุดถ้าหากมีคำกล่าว ที่ไม่เป็นความจริงออกไป ทำให้สาธารณชนเข้าใจผิด

วันนี้ บิวก็ได้ออกมาแถลงข่าวเปิดใจถึงเรื่อง ทั้งหมดที่เกิดขึ้น โดยเผยว่า….

“สวัสดีครับผมนาย จักรพันธ์ พุทธา วันนี้ที่ผมออกมาพูดเพราะเป็นความต้องการของผมเอง จากเรื่องราวที่เกิดขึ้น ที่เป็นข้อพิพาททางสังคมอยู่ ณ ตอนนี้
มันได้ส่งผลกระทบกับทางค่าย ครอบครัว และเพื่อนฝูงนักแสดงของผมที่เปรียบเสมือนครอบครัว และคนใกล้ตัวของผมเองด้วย และเพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบมากไปกว่านี้
ผมอยากจะแจ้งให้ทุกคนทราบว่าผม นาย จักรพันธ์ พุทธา ขอประกาศลาออกจากการเป็นนักแสดงในสังกัดค่าย Be On Cloud ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป

สิ่งที่ผมจะพูดตั้งแต่นี้ต่อไป ผมยืนยันว่า ผมพูดจากใจจริง รวมทั้งผมขอบอกเลยว่า
ผมบอกซื่อตรง จริงทุกประการ ในวันนั้นที่ผม ออกมาพูด ผมมีเจตนาที่จะยุติ เรื่องราวทั้งหมด ที่เกิดขึ้น ซึ่งเรื่องราวที่เกิดขึ้นก็มีผลกระทบต่อชีวิตผม
มาสักระยะนึง แล้วครับ จนถึงวันนี้ผมตัดสินใจ ว่าผมจะต้องออกมาต่อสู้ เพื่อปกป้องตัวเองบ้าง
สิ่งที่ทุกคนรับรู้หรือพบเจอ ไม่ใช่เรื่องจริงทั้งหมด ผมเป็นมนุษย์คนนึง ผมยอมรับว่า ผมไม่ได้สมบูรณ์แบบ ถึงแม้ว่าสิ่งที่ปรากฎ จะตีความว่าผมแย่เพียงแค่ไหนก็ตาม

และก็สิ่งที่ผมโดน มันเกินกว่าที่ผมจะรับไหว ชีวิตผมต้องพังทลายลง อีกทั้งหน้าที่การงาน เกียรติศักดิ์ สังคม ครอบครัว ทุกอย่าง ตอนนี้
ผมไม่เหลืออะไร แล้วครับ แม้กระทั่งตอน นี้ที่ผมกำลังนั่งหายใจอยู่ ผมก็ยังผิด ผมไม่สามารถทำอะไรไปมากกว่านี้ได้แล้วครับ

สิ่งที่ผมต้องการจะบอกก็คือ ผมอยากให้ ทุกคนทราบว่าเรื่องที่เกิดขึ้น มันเป็นเพียงแค่ส่วนนีง
จากนี้ผมขอเอาความจริง ทั้งหมดไปสู้ในชั้นศาล ผมจะต่อสู้ เพื่อคนที่ผมรัก ที่ยังรักผม คนที่เชื่อมั่นในตัวผม รวมทั้งตัวผมเองด้วย ผมขอให้ทุกคน ทรหดอดทน
รวมทั้งผมก็จะทรหดอดทน และเข้มแข็ง เพื่อรอผลคดีในชั้นศาล จากนี้ผมยังเชื่อว่าความจริง จะชนะในที่สุด แล้วก็ผมก็มั่นใจว่า
กระบวน การยุติธรรมจะให้ ความยุติธรรมกับผม และผมก็ต้องขอ ขอบคุณ อย่างยิ่งที่ทาง บริษัท Be On Cloud ให้โอกาสผมได้พูดเป็นครั้งสุดท้าย ผมขอขอบคุณมากครับ (ยกมือไหว้)”.

“3 ทศวรรษ วินาทีสู่ฝันพลังแห่งความภาคภูมิใจ” จัดยิ่งใหญ่ 9 ก.พ.นี้

สมาคมผู้รายงานข่าว ช่างภาพกีฬาแห่งประเทศไทย จัดงานใหญ่ มอบรางวัลสุดยอดนักกีฬาในช่วง 30 ปี “3 ทศวรรษ วินาทีสู่ฝันพลังแห่งความภาคภูมิใจ” วันที่ 9 เดือนกุมภาพันธ์นี้ ณ โรงละครอักษรา คิง เพาเวอร์ ช่อง7 HD ถ่ายทอดสด

เมื่อวันที่ 26 ม.ค. ที่ห้องประชุมชั้น 24 อาคารเฉลิมประเกียรติฯ 7 รอบ พระชนมพรรษา การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) หัวหมาก สมาคมผู้รายงานข่าวช่างภาพกีฬาแห่งประเทศไทย ได้จัดงานแถลงข่าวสารการจัดงานครบรอบ 30 ปีการก่อตั้งสมาคมผู้สื่อข่าวช่างภาพกีฬา มอบรางวัลให้กับนักกีฬาทรงคุณค่าในช่วง 3 ทศวรรษ ที่ผ่านมา ในชื่องาน “3 ทศวรรษ วินาทีสู่ฝันพลังแห่งความภาคภูมิใจ” โดยมี นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.การท่องเที่ยว แล้วก็กีฬาเป็นประธาน พร้อมด้วย นายสิรภพ ดวงสอดศรี ที่ปรึกษา รัฐมนตรีว่าการการท่องเที่ยวแล้วก็กีฬา, ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการ กกท., ดร.สุปราณี คุปตาสา ผู้จัดการกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ, นางนวลพรรณ ล่ำซำ CEO บมจ.ประเทศไทยประกันภัย, นายไพฑูร ชุติมากรกุล นายกสมาคมผู้สื่อข่าวช่างภาพกีฬาฯ, นายสุรศักดิ์ ณ นคร อุปนายกสมาคมฯ ในฐานะประธานจัดงาน, นายศิริ สาระผล บรรณาธิการฝ่ายข่าวสารกีฬา สถานีโทรทัศน์ช่อง 7 HD, “ศุภักษร” นายศุภวัฒน์ จงศิริ ผู้กำกับการจัดงาน รวมถึงผู้สนับบสนุน และก็คณะกรรมการสมาคมฯ แล้วก็สื่อมวลชน เข้าร่วมงานมากมาย โดยงานจะจัดในวันพฤหัสบดีที่ 9 ก.พ.นี้ ณ โรงละครอักษรา คิง เพาเวอร์ (ชั้น 3) ช่อง 7HD ถ่ายทอดสดเวลา 13.00-15.45 น.

นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ กล่าวว่า ต้องขอขอบคุณสมาคมผู้สื่อข่าวช่างภาพกีฬาแห่งประเทศไทย ที่ให้ความสำคัญกับการจัดงานรำลึก นึกถึงคุณงามความดีของนักกีฬา รุ่นเก่าๆในช่วง 30 ปีที่ผ่านมา ซึ่งก็ไม่มีการจัดมาก่อนแล้ว การจัดงาน 3 ทศวรรษนี้ เชื่อว่าจะก่อให้เยาวชน แฟนกีฬารุ่นใหม่ ได้รู้จักนักกีฬาที่เคยสร้างชื่อให้ประเทศไทย ในยุคก่อน ๆ มากขึ้น เพื่อเป็นแรงบันดาลใจในการรักการเล่นกีฬา รักการออกกำลังกายมากขึ้น ในนามของกระทรวงฯ พร้อมให้การสนับสนุน กิจกรรมดีๆมีคุณค่าของสมาคมฯ อย่างเต็มที่ และขอเชิญเชิญชวนประชน แฟนกีฬาทั่วไปร่วมงาน แล้วก็ชมการถ่ายทอดสด เพื่อให้กำลังใจนักกีฬาของไทยด้วย

ขณะที่ ดร.ก้องศักด ยอดมณี กล่าวว่า กกท. รู้สึกภาคภูมิใจที่สมาคมผู้สื่อข่าวช่างถ่ายภาพกีฬาฯ ให้ความสนใจ ให้ความสำคัญกับนักกีฬาที่สร้างชื่อเสียงให้ประเทศ โดยยิ่งไปกว่านั้นนักกีฬายุค 20-30 ปีก่อน ที่บางคนไม่รู้จัก ไม่เคยเห็นผลงาน กลับมาขึ้นรับรางวัลอันทรงเกียรติ เป็นเกียรติประวัติกับชีวิตนักกีฬา ซึ่ง กกท.หวังว่า สมาคมฯ จะจัดกิจกรรมดีๆแบบนี้ขึ้นมาอีก

ส่วน ดร.สุปราณี คุปตาสา กล่าวว่า งาน “3 ทศวรรษ วินาทีสู่ฝันพลังแห่งความภาคภูมิใจ” ของสมาคมฯ ครั้งนี้

กองทุนฯ รู้สึกเป็นเกียรติ ที่ได้ร่วมสนับสนุนภาคเอกชน เกื้อหนุน งานที่ทรงเกียรติครั้งยิ่งใหญ่กับนักกีฬา ในช่วง 30 ปีที่ผ่านมา ซึ่งนับว่าเป็นกิจกรรมอย่างหนึ่งของกองทุนฯ ที่พวกเราให้การสนับสนุน กิจกรรมกีฬามากมายอยู่แล้ว

นางนวลพรรณ ล่ำซำ เปิดเปิดเผยว่า เราเป็นภาคเอกชน ที่ให้การสนับสนุนกีฬามาเป็นเวลานาน ทั้งในส่วนการสนับสนุนกีฬาประเภทต่าง ๆ รวมทั้วตัวเองก็เป็นผู้จัดการ ฟุตบอลทีมชาติไทย ที่เพิ่งจะความแชมป์อาเซียน 2022 ไปเมื่อเร็ว ๆ นี้ แล้วก็การทำทีมฟุตบอลการท่าเรือ เอฟซี ในส่วนของสมาคมฯ นี้ ทาง บริษัทฯ ได้ให้การสนับสนุนมาช้านาน ทั้งด้านทุนการศึกษาบุตรธิดาสื่อมวลชน, กิจกรรมของสมาคมตลอดมา สำหรับงาน 3 ทศวรรษ สมาคมฯ แป้งก็ต้องขอขอบคุณสมาคมฯ ด้วย ที่ให้เกียรติ เมืองไทย ประกันภัย เป็นหนึ่งในผู้ส่งเสริม ก็ขอให้งานลุวงไปด้วยดี

ทางด้าน นายไพฑูร ชุติมากรกุล เปิดเผยว่า นับว่าเป็นโอกาสที่ดี ที่สมาคมฯ ที่จัดตั้งโดยสื่อมวลชนรุ่นพี่ๆในปี 2535 แล้วก็มีการดำเนินกิจกรรมสมาคมฯเพื่อช่วยเหลือสมาชิกฯ ทั้งด้านทุนการศึกษา, การช่วยเหลือด้วยเจ็บไข้ได้ป่วย รวมทั้งกิจกรรมเพื่อสังคมมากมาย จนถึงปี 2565 ก็ครบ 30 ปี หรือ “3 ทศวรรษ” การก่อตั้งสมาคมฯ พอดี ทางคณะกรรมการสมาคมฯ จึงมีมติเห็นดีเห็นงามร่วมกัน ที่จะจัดงานมอบรางวัล ให้กับนักกีฬาในทศวรรษต่าง ๆ ในชื่องาน “3 ทศวรรษ วินาทีสู่ฝันพลังแห่งความภาคภูมิใจ” เพื่อเป็นการรำลึกถึงผลงานของนักกีฬารุ่นต่าง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งรุ่นก่อน ๆ ที่เด็กรุ่นใหม่จำนวนมากแทบจะไม่รู้จัก และเป็นการให้เกียรติ ให้ความสำคัญกับนักกีฬาประเภทต่าง ๆ ที่เอื้อเฟื้อเวลาส่วนตัว ไปสร้างชื่อเสียงให้ประเทศมากมาย สมควรอย่างยิ่งที่จะได้รับการยกย่อง

ส่วนนายสุรศักดิ์ ณ นคร เปิดเผยว่า การมอบรางวัล 3 ทศวรรษ แยกเป็นทศวรรษแรก พ.ศ. 2535-2545, ทศวรรษที่ 2 พ.ศ. 2545-2555 รวมทั้งทศวรรษที่ 3 พ.ศ. 2555-2565 นั้น ทางคณะกรรมการสมาคมฯ แบ่งรางวัลเป็น 3 ทศวรรษ ทศวรรษละ 10 รางวัล รวม 30 รางวัล โดยจะเลือกสรร ทศวรรษละ 10 คน ที่มีผลงานสะดุดตาทั้งยังกีฬาสมัครเล่นแล้วก็กีฬาอาชีพ แล้วก็พิเศษอีก 2 รางวัล

สำหรับงาน “3 ทศวรรษ” นี้ สมาคมฯ ได้ติดต่อ “ศุภักษร” นายศุภวัฒน์ จงศิริ ผู้กำกับภาพยนต์มีชื่อ และยังเป็นผู้กำกับการจัดงานแสง สี เสียง มากมาย รวมทั้งพิธีการเปิด-ปิดกีฬาระดับนานาชาติ, กีฬาแห่งชาติ ที่ได้รับการยอมรับถึงความยิ่งใหญ่ อลังการ เข้ามากำกับงาน “3 ทศวรรษ” ของสมาคมฯ ด้วย ทั้งการแสดง รวมทั้งเพลง 3 ทศวรรษที่ร้องโดย “โป่ง หิน เหล็ก ไฟ” ทำให้เรามั่นใจงานจะออกมายิ่งใหญ่ สมเกียรติกับการก่อตั้งสมาคมฯมาแล้ว 30 ปี

รางวัลแยกเป็นประเภทของรางวัล ดังนี้

1.สมาคมกีฬาแห่งทศวรรษ Sport Association of the Decade
2.บุคคลสำคัญแห่งทศวรรษ The Person of the Decade
3.ทีมกีฬาแห่งทศวรรษ Team of the Decade
4.นักกีฬาอาชีพยอดเยี่ยมแห่งทศวรรษ The Profession Player of the Decade
5.ผู้จัดการทีมแห่งทศวรรษ The Manager of the Decade
6.ผู้ทำชื่อเสียงในเวทีกีฬาสากลแห่งทศวรรษ The Man of the Decade
7.นักกีฬาตัวอย่างแห่งทศวรรษ The Idol of the Decade
8.นักกีฬายอดเยี่ยมแห่งทศวรรษ The Gloden Player of the Decade
9.สุดนักกีฬาแห่งทศวรรษ The Icon of the Decade
10.วินาทีความทรงจำแห่งทศวรรษ The Moment of the Decade

ประเภทของรางวัลพิเศษ
1.รางวัลที่สุดแห่งความทรงจำ The Forever Memory of the Decade
2.รางวัลเกียรติยศแห่งทศวรรษ The Greatest Honour of the Decade

นายศิริ สาระผล กล่าวว่า ช่อง 7 HD ต้องขอบคุณสมาคมฯ ที่ให้เกียรติช่อง 7 HD รับหน้าที่ถ่ายทอดสด งาน “3 ทศวรรษ วินาทีสู่ฝันพลังแห่งความภาคภูมิใจ” ซึ่งเป็นงานเกียรติยศของสุดยอดนักกีฬา ในช่วง 3 ทศวรรษ ที่ผ่านมา การถ่ายทอดสดครั้งนี้ ช่อง 7 HD ก็เตรียมทีมงานมืออาชีพไว้แล้ว เพื่อให้ภาพ แสง สี เสียง ที่ออกมาเป็นที่ประทัยใจของแฟนกีฬาทั่วประเทศ โดยจะถ่ายทอดสดช่วงเวลา 14.00-15.45 น

‘จตุพร’ ย้อนแสบ ‘ทักษิณ’ ท่านก็หมา ถ้านับบรรดาศักดิ์ของหมู่หมาก็เป็น ‘จ่าฝูง’

นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำคณะหลอมรวมประชาชน รวมทั้งอดีตประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.) เฟซบุ๊กไลฟ์ ประเทศไทยต้องมาก่อน ตอน “เชื่อมั่น…ประชาชน” โดยนายจตุพร กล่าวว่า ตนกับ ทักษิณ รู้จักกันมาตั้งแต่ปี 2527 เมื่อครั้งทักษิณ เป็นหัวหน้าพลังธรรมวันแรก จากนั้นร่วมเดินสายการเมืองด้วยกันมา 30 ปี ถ้าตนคิดเอาแต่ตนเองและก็เอาประโยชน์ส่วนตน แล้วจะอยู่ร่วมกันไม่ได้เลย หากแม้ทักษิณกล่าวสาธารณะ จะให้เป็น รมต. แต่ไม่ได้ ตนก็ยังอยู่แล้วก็ไม่คิดถึงกรณีนี้

เหนืออื่นใดแล้ว การต่อสู้ทางการเมืองที่ผ่านมามีความตายมากมาย ตำแหน่ง รมต. เป็นหัวโขนเล็กมาก เมื่อเทียบกับความตายของประชาชน กระทั่งถึง พรรคเพื่อไทยจะออก พรบ.สุดซอย ตนรับได้ยากมาก เพราะต้องการให้นิรโทษกรรมเฉพาะประชาชนที่กำลังติดคุก แต่รัฐบาลไม่ยอมออกพระราชกำหนด (พรก.) กลับมาออกเป็น พรบ. แทน แล้วไปแปลงสาร ขยับเพิ่มให้นิรโทษกรรมแกนนำและพ่วงคดีคดโกงเพื่อให้เป็นประโยชน์กับทักษิณได้กลับบ้าน

สิ่งสำคัญ ตนทักทวงว่า ถ้าหากนิรโทษฯ นอกเหนือประชาชนแล้ว มันจะล้มครืนลง แล้วประชาชนจะติดคุก และก็จะไม่มีโอกาสอีกเลย เขาก็ไม่ฟัง แล้วไปบอกที่ประเทศนอร์เวย์ว่า ตนไม่ต้องการให้ทักษิณกลับบ้าน ทั้งที่ในวงบอกคุยยุทธศาสตร์ของพรรคมีรองนายกฯ รวมทั้ง รมต. และ พี่เปียเห็นด้วยกับตนว่า อย่าเอาเรื่องคนอื่นเว้นแต่ประชาชนมา ถ้าเกิดเอาทักษิณกลับบ้านต้องทำวาระอื่น แต่วาระนี้ต้องตอบแทน ประชาชน ส่วนที่ตายและก็บาดเจ็บเอาชีวิตและก็ร่างกายกลับคืนมาไม่ได้ แต่คนกำลังสูญเสียเสรีภาพ นี่เป็นโอกาสเดียวเท่านั้น แล้วท่านก็โกรธ

“ผมต้องการถามทักษิณว่า ตอนทำเรื่องนิรโทษฯ สุดซอย มีใครไปพบท่านแล้วอยู่กับท่าน ในวงการเขานินทากัน มีเครื่องบินลอยละล่องกันเป็นลำ แต่ทั้งหมดเมื่อไปไม่ได้ อดีตนายกฯยิ่งลักษณ์ ชินวัตร มาพูดที่หลังว่า เมื่อไปไม่ได้ก็มีความรู้สึกว่าจะกลับมาได้ วันนั้นผมจิตใจสลาย เพราะ จะไม่มีเหตุการณ์ชุมชนของประชาชนเต็มถนนเลยถ้าหากเอาเฉพาะประชาชน แต่ไม่เสนาะเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัว”

นายจตุพร กล่าวว่า เมื่อคืนนี้ ทักษิณ พูดว่า ช่วง 16 ปีท่านก็ถูกเห่า

นับตนเป็นตัว รวมทั้งตั้งฉายาให้ ตัวเองว่า ถูกเห่า ท่านกล่าวว่าไม่ต้องมาฟังตน ให้ใช้น้ำยาล้างหูไป ก็พยายามเลี่ยง แล้วใช้ถ้อยคำว่า ถูกเห่ามา 16 ปี 2-3 ตัวและ บางตอนก็ 4-5 ตัว มีการนับเป็นตัว เขาบอกภาษาไทย ไม่แข็งแรง แล้วหัวเราะกันสนุกสนาน

“ผมกับนายกฯทักษิณ ปราศรัยเวทีเดียวกัน มาในช่วงอยู่ประเทศไทย แล้วก็ผ่านวีดีโอลิงค์ ต่างกรรมต่างวาระกัน มายาวนานที่สุด ถ้าหากการบอกของผมเป็นการเห่า บนเวทีนี้ท่านก็ร่วมเห่ากับผมด้วย ถ้าเกิดผมหมา ท่านก็หมา ท่านอาจเป็น จ่าฝูง ถ้าหากนับบรรดาศักดิ์ของหมู่หมาด้วยกัน”

นายจตุพร ย้ำว่า หากหลักคิด ของทักษิณมองดูผู้ร่วมต่อสู้ด้วยกันเป็นหมา เป็นตัว แล้วหลีกเลี่ยง การตอบความจริง ด้วยเหตุดังกล่าวท่านต้องคิดช้า ๆ ว่า สิ่งที่ท่านดำเนินการทั้งหมดไปนั้น ถ้าตรงไปตรงมา กับประชาชน และไม่พูดถึงตนในทางเป็นเท็จรวมทั้งเกิดความเสียหายในช่วงนี้ แล้วตนจะมากล่าวเรื่องนี้ในช่วงนี้เพราะอะไร

ยิ่งกว่านั้น ตลอดเวลาที่ผ่านมา ถ้าตนคิดถึงผลประโยชน์แล้วจะอยู่กับท่านได้อย่างไร เนื่องจาก ท่านหักหลังตนตลอดเวลา พูดปดซ้ำซากจำเจ โกหกแล้วพูดปดใหม่ซ้ำกันไปซ้ำกัน อย่างไรก็ตาม ตนต้องไปก่อนการยึดอำนาจ เนื่องจากว่าหักกันเรื่องนิรโทษฯ สุดซอย ทั้งยังเรื่องส่วนตัวก็พูดเท็จ และทุกเรื่องที่เกี่ยวข้องกับข้อตกลง ไม่ว่าเรื่องลงนามรับรองศาลอาญาระหว่างประเทศ (ICC) แล้วก็เรื่องแก้ รธน. รวมทั้งการคดโกงคอร์รัปชั่น

รวมถึงย้ำว่า ตนกล้ำกลืน ต้องการรักษาความรู้สึกของพี่น้องเสื้อแดง เนื่องจากเขาตาย เขาเจ็บ หลังการสลายชุมนุม (ปี 2553) ตนตระเวณทุกพื้นที่ท่ามกลางความตาย แต่ทักษิณเสนอให้หนี แต่ตนไม่หนี ซึ่งขณะนั้นเสื้อแดงแล้วก็ พรรคเพื่อไทยตกต่ำที่สุด เราก็พากันพลิกฟื้น แล้วก็ชีวิตตลอดเส้นทางนั้น ถ้าตนจะเอาตัวรอด ก็ต้องเอาตัวรอดแล้ว แต่ทำไมตนจึงลุกขึ้นยืนสู้ต่อ

“ตลอดเวลาที่ท่านหักหลังผมนั้น ถ้าเกิดผมคิดเรื่องส่วนตัว ผมจะมาสู้ที่อักษะต่อหรือ? จนกระทั่งมาเห็นมีการสมคบคิด ในเรื่องการรัฐประหาร ทักษิณไม่รู้ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ปี 2553 หรือ? แล้วก็ (ยิ่งกว่าสิ่งใด) ความมีชัยที่ประชาชนแลกชีวิต ด้วยเลือดเนื้อมาให้นั้น เป็นการแบกความหวังไว้ทั้งปวง

นายจตุพร กล่าวว่า ในเรื่อง ICC ก็ไม่กล้ารับ เพราะกลัว พล.อ.ประยุทธ์ จะยึดอำนาจ แล้วท้ายที่สุดมา สลายคนเสื้อแดง เพื่อไปพึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ ทั้งที่การชุมนุมตกลงแบ่งกันทำงาน เสื้อแดงคุมเวที พรรคเพื่อไทยจัดระดม ประชาชนมาชุมนุม แล้ววันหนึ่งจากคนเป็นหมื่น แล้วมาเหลือหลักร้อยจะให้คิดกันว่าอย่างไร กระทั่งวันที่ 21 พ.ค. พล.อ.ประยุทธ์ เรียกพูดจา แล้ว 22 พ.ค. 2557 ก็ยึดอำนาจ

อย่างไรก็ตาม ตนยังบากหน้ากล้ำกลืน เมื่อ พล.อ.ประยุทธ์ ยึดอำนาจ ตนยังวิพากษ์วิจารณ์ พล.อ.ประยุทธ์ ถูกนำตัวไปปรับทัศนคตินับไม่ถ้วน และก็เป็นแกนนำคนเดียว ที่ถูกถอนประกัน อยู่ในเรือนจำติดเชื้อในกระแสเลือดปางตาย ออกจากคุกจะมีการตัดสิน คดีจำนำข้าว ก็เอาตนเข้าคุกด้วยคำตัดสิน ของศาลฎีกาอีกทั้งที่ศาลชั้นต้นและอุทธรณ์ยกฟ้อง เมื่อออกคุกมาก็ขับไล่ พล.อ.ประยุทธ์ ในนานไทย ไม่ทนก็ถูกขังคุกอีกในคดีเดิมที่ปล่อยตัวมาแล้ว อีกทั้งเดือนหน้า (เดือนกุมภาพันธ์) ตนก็จะถูกคดีฟ้องยึดบ้าน และก็ล่าสุดจะถูกฟ้อง เพิ่มอีกคดีจากเหตุการณ์เมื่อ 14 ปีที่แล้ว

“หาก 8 ปีนี้ ผมเอาเพียงที่ท่าน (ทักษิณ) หักหลังผม ไปแสวงหาผลประโยชน์ กับรัฐบาล คสช. ผมก็ไม่ต้องติดคุก ผมก็ไม่ต้องลำบาก ผมก็ไม่ต้องมีคดีมากมาย เนื่องจากว่าพวกเรายืนหลักในความถูกต้องตลอดเวลา ทั้งฝ่ายเดียวกันไปทำผิดพลาด ผมก็กล้ำกลืน หากผมคิดประโยชน์ส่วนตัวแล้ว ผมจะอยู่แบบนี้หรือ?”

อีกอย่าง การต่อสู้ของพวกเราเป็นมาต่อเนื่อง นั่งจัดรายการต่าง ๆ เพื่อต้องการหยุดอำนาจ 3 ป. ออกไปชุมนุมในนามคณะหลอมรวม ประชาชนก็เพื่อหยุดอำนาจ 3 ป. เพื่อหาทางออกให้ประเทศไทย แล้วมีเรื่องอะไร ไปสกัดแลนด์สไลด์ของทักษิณ

พร้อมกล่าวว่า ท่านทราบหมดว่า ใครคุยอะไรกับใครที่อยู่เมืองไทย คนไปคุยกับท่านที่เมืองนอก ตนก็รู้หมดเหมือนกัน ในประเทศไทยดุกันเกือบตาย ในช่วงทำสงคราม อะไรก็ใช้ไม่ได้ ไอ้นี่เหล่านี้ ไอ้นั่นพวกนั้น เลือกตั้งเสร็จไอ้พวกนี่และคนพวกนั้นไปหาท่าน แวดล้อมไปหมด มันตำตาตนทั้งหมด

“ผมอยากจะบอกนายกฯทักษิณ ที่ท่านบอกถูกเห่า ผมจะบอกท่านว่า ถ้าผมหมา ท่านก็คือหัวหน้าหมา แล้วพวกเรากล่าว ภาษาหมากันมานานแล้ว หมามันมีคุณสมบัติข้อหนึ่ง (นิ้วเคาะโต๊ะเสียงดัง) คือเรื่องความสัตย์ซื่อ ท่านยังเป็นหมาไม่ได้เลย หรือเป็นหมาที่ใช้ไม่ได้ เนื่องจากสิ่งที่สำคัญที่สุดนั้น คือความซือสัตย์ระหว่างกัน เพราะแลกเปลี่ยนชีวิตรวมทั้งตายได้ตลอดเวลา ถ้าเกิดมองเห็นแก่ตัวก็ต้องหนีตามท่านสิ ประเพณีนี้เมื่อหัวหน้าหนีก็จะดี เมื่อผมไม่หนีก็เป็นตัวแปลกอยู่แล้ว”

นายจตุพร กล่าวว่า ที่ไม่หนีเพราะต้องการทวงความยุติธรรม

ให้ประชาชนที่ตาย แล้วก็เดินทางปราศรัยแลกเปลี่ยนชีวิตมาตลอด แต่หลายคนที่ถูกท่านประณาม ดูหมิ่นเหยียดหยาม ในไทยก็ไปเจอท่านที่ต่างประเทศ ดังนั้น เหตุที่ไม่ตอบ ทักษิณก็อธิบายได้ อย่าอ้างเรื่องกฎหมายหมิ่นประมาท แต่มีข้อเท็จจริงมันปรากฎด้วยคำพูดมาแล้ว อีกทั้งเรื่องเสียงปืนนัดแรกดังจะกลับมา แต่เสียงปืนผ่านไปสองแสนนัด ประชาชนตายเป็นร้อยศพท่านก็ไม่กลับมา

นอกจากนั้น ทักษิณยังพูดถึงพายเรือไปส่ง เสื้อแดงไม่ต้องตามมา เนื่องจากว่าการบอกเช่นนี้เป็นการแลกเปลี่ยนกับข้อแม้ จะได้กลับบ้าน เพราะเหตุว่าท่านคุยกับตัวเองจำได้หรือไม่ เพราะฉะนั้น ทุกอย่างท่านยอมแลกเปลี่ยนได้ตลอดเวลา และรู้ดีว่าท่านทำอะไรได้บ้าง อีกอย่างก็ทราบดีว่า ตนไม่ได้ใช้ชีวิตอย่างปลอดภัยดีนักหรอก

แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ การมาด้อยค่าตน เย้ยดูหมิ่นเป็นคนทรยศหักหลัง หักหลัง อีกทั้งที่ทักษิณเป็นคนหักในการต่อสู้ตลอดเวลา ถึงแม้ท่านรับปาก ประกาศให้ได้ยินกันทั่วไป แต่คนที่รักกันอย่างหน้ามืดตามัวก็กล่าวว่า ทักษิณพูดผิดสักกี่ครั้งก็ได้ เสมือนบอกกลับบ้านปี 2565 ไม่ได้กลับก็บอกเป็นเรื่องระบบฟอกโลหิต ท่านก็ไปของท่านอีก

“ท่านหลีกหลีกเลี่ยงตอบว่า จะจับมือกับพลังประชารัฐ (พปชร.) หรือไม่ ก็มาพูดในประเด็นว่า เรื่องจะกลับประเทศไทยจะไม่ออกกฎหมาย จะไม่เกี๊ยะซียะ (รอมชอม) กับพลังประชารัฐ และไม่ใช้ พรรคเพื่อไทยด้วย ผมต้องเรียกไปยังนายกฯ ทักษิณว่า ผมได้ยินมาอยู่แล้ว ยาวนานหลายวันที่ผ่านมาคงจำกันได้ ผมว่ามันมีดีล (ข้อตกลงลับ) หนึ่ง ซึ่งเป็นดีลที่ไม่เหมาะสม และไม่สมควรจะดีล และก็ไม่มีวันจะเป็นไปได้อีก และนี่หนักกว่าสุดซอย เพราะหนึ่งเป็นเรื่องไม่ควร สองยิ่งกว่าการลักหลับ แล้วก็จะกลายเป็นปัญหาใหญ่ แต่ผมขอไม่อนุญาตอธิบายความ”

นายจตุพร กล่าวว่า ขณะนี้ทักษิณ ต้องคดีถึงที่สุดแล้ว แต่คดีหลังไม่มีอายุความ มีคำวินิจฉัยรวมโทษประมาณ 12 ปี ด้วยเหตุผลดังกล่าว ในทางกฎหมาย เมื่อทักษิณกลับไทยต้องถูกจับกุมตัวส่งศาล แล้วเข้าคุก แต่มีข้อเท็จจริงบ้างประการว่า มีดีลพิเศษ แต่ไม่มีวันเป็นไปได้ ด้วยเหตุว่าเป็นสิ่งที่ไม่สมควร แล้วก็ตอนสุดซอยที่ใช้ลักหลับแต่ครั้งนี้จะลักหลับของจริง ที่อธิบายเรื่องนี้ เนื่องจากว่าตนพยายามหลีกเลี่ยงถ้อยคำภาษา

ยิ่งกว่านั้น ดีลพิเศษนี้ ความเป็นจริงก็ไม่เกี่ยวอะไรกับเรื่องแลนด์ สไลด์ของพรรคเพื่อไทย หลายคนพยายามตั้งคำถามว่า อยู่ดีๆมากล่าวเรื่องนี้ไปรับงานใครมา ทั้งยังที่สุดทนมาตั้งแต่ถูกหลอกใช้ให้ไปพบเสียงช่วยพรรคเพื่อชาติเมื่อปี 2562 ส่วน นปช.อีกกลุ่มก็แยกไปช่วยพรรคไทยรักษาชาติ แล้วมาล่าสุดการออกหาเสียงช่วย นายก อบจ เชียงใหม่ ก็ขาดสะบั้น ใจสลายเลย

“พวกเราอยู่ท่ามกลางความเจ็บอยู่แล้ว ถ้าเกิดไม่มาดูแคลน ผมก่อน โดยดูหมิ่นเหยียดหยามว่า ไปรับงานใครมา แล้วผมก็ตอบกลับด้วยตรรกะเดียวกับทักษิณไปพูดที่ฮองกงนั้นว่า ท่านไปรับงานใครมาที่มาดูแคลนผม แต่ท่านไม่เข้าใจว่า มนุษย์ยอมตาย แลกชีวิตกันได้มันมีเรื่องศักดิ์ศรีของมันอยู่ เหยียบย่ำหลายครั้งจนได้ใจ ไม่นึกว่าวันใดวันหนึ่งหนึ่งมันจะทนไม่ได้เอานะ

“เมื่อมาเหยียบอีก ถ่มน้ำลายใส่ ก็สุดทนเลย อีกทั้งที่ถูกเหยียบย่ำ ทำอยุติธรรมกับผมมานานแล้ว รวมทั้งที่สำคัญที่สุดไม่ยุติธรรมกับประชาชนมานานแล้ว และก็ใครมันจะทนได้ หักหลังกันตลอดทางมา 30 ปีตั้งแต่คบกัน”

นายจตุพร ย้ำว่า วันนี้ไม่ได้รับงานใครมา

หากทักษิณไม่พูดถึงตนก่อนในลักษณะที่ดูแคลนลาน เรื่องนี้ก็ไม่เกิดขึ้น เมื่ออกมาพูด แต่ไม่ตอบโต้ กลับใช้แนวทางกระแนะกระแหน อธิบายยัดเยียดว่า รับงานใครมา แล้วตนจะติดคุกหรึอ? เข้า ๆ ออก ๆ คุกมีคดีความมากมายกว่าแกนนำทุกคน

นายนิติธร กล่าวว่า เข้าใจรู้สึกรวมทั้งทราบถึงเรื่องราว ก็เลยเข้าใจมากขึ้นว่า เพราะเหตุไรเพื่อไทย-ทักษิณ ไม่ออกมาตอบโต้ เป็นเพราะกล้วความจริงจะหลั่งไหล ออกมามากมาย โดยเหตุนั้น ทักษิณจึงต้องเบียงเบนไปทางเยาะดูแคลนเท่านั้น

พร้อมด้วยกล่าวว่า ที่ฟังมานั้น การที่นายจตุพร ไม่หนีคดีจึงก่อปัญหา กับตนเอง เนื่องจากว่าทักษิณหนี คดีจึงต้องการให้ทุกคนหนีหมด ไม่ต้องการให้ใครมายึดโยงประชาชน แล้วก็ไม่ต้องการให้ทราบในสิ่งที่เขาทำกับประชาชน

“พอไม่หนีคดี แล้วไปอ้างต้องดูแลประชาชน มันจึงทำให้ความรู้สึกประชาชนต้อง แบกน้ำหนัก และก็เป็นส่วนหนึ่งที่เป็นคู่แค้นรวมทั้งเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่มาก และก็หนักใจกับคดีชุมนุม”

ถึงเวลาช็อป! 5มิดฟิลด์ เหมาะมาเป็นทายาทเฮนเดอร์สันที่ หงส์แดง

เปิดรายชื่อ 5 มิดฟิลด์ที่ หงส์แดง ควรพิจารณาคว้าตัวมาร่วมทีมเพื่อเข้ามาชดเชย จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ในระยะยาว
จอร์แดน เฮนเดอร์สัน กลายเป็นข้อสำคัญในการพา ลิเวอร์พูลประสบความสำเร็จอย่างมากตลอดไม่กี่ปี ที่ผ่านมาในฐานะกัปตันทีม โดยไม่เพียงแต่แต่เป็นผู้นำที่เหมาะสมที่สุดเท่านั้น แต่ผลงานในสนามของเขาสร้างอิมแพ็คต่อทีมได้เป็นอย่างมาก

อย่างไรก็และก็ตามด้วยวัย 32 ปี

สภาพร่างกายเขาเริ่มโรยราลงไปและก็ผ่านช่วงสูงสุดในอาชีพการค้าแข้งไปแล้ว ทำให้ หงส์แดง จำเป็นต้องรีบหากองกลางรายใหม่เข้ามาตอบแทนแล้ว และนี่คือ 5 มิดฟิลด์ที่เหมาะเข้ามาเป็นตัวแทนของ เฮนโด้ ในอนาคต

5.อิบราฮิม ซ็องกาเร่ (พีเอสวี)

ซ็องกาเร่ โชว์ฟอร์มได้อย่างเด่นให้กับ พีเอสวี นับตั้งแต่ย้ายมาจาก ตูลูส ในปี 2020 โดยเว้นแต่ตัดเกมในแดนกลางได้อย่างเยี่ยมแล้ว เขายังมีทีเด็ดอยู่ที่การสอดขึ้นไปทำประตูได้ดีด้วย โดยในซีซั่นนี้เขายิงได้ถึง 6 ประตูจาก 26 เกมรวมทุกรายการ

มิดฟิลด์ทีมชาติไอวอรี่โคสต์เคยมีข่าวสารเชื่อมโยงกับลิเวอร์พูล ตั้งแต่ช่วงซัมเมอร์ปีก่อนแต่สุดท้ายดีลดงกล่าวก็ไม่ได้เกิดขึ้น

4.โซฟียาน อัมราบัต (ฟิออเรนติน่า)

อัมราบัต มีข่าวเกี่ยวโยงกับ หงส์แดง และอีกหลายสโมสร หลังโชว์ฟอร์มได้อย่างเยี่ยมในศึกฟุตบอลโลก 2022 ที่เพิ่งปิดฉากลงไป โดยเจ้าตัวมีส่วนสำคัญ ช่วยทีมชาติโมร็อกโก ไปไกลถึงรอบรองชนะ และก็จบด้วยการคว้าอันดับสี่ของทัวร์นาเมนต์

มิดฟิลด์ทีมชาติโมร็อกโก เป็นมีสไตล์ที่แข็งแกร่ง ดุดัน ไม่เกรงใจใคร ซึ่งเหมาะสมเป็นอย่างยิ่งที่จะย้ายมาเล่นในศึกพรีเมียร์ลีก

เดี๋ยวนี้ อัมราบัต เหลือสัญญากับ ฟิออเรนติน่า ถึงช่วงซัมเมอร์ปี 2024 ซึ่งแม้ว่า “ม่วงมหากาฬ” พร้อมมอบสัญญาฉบับใหม่ให้นักฟุตบอล แต่มั่นใจว่า ข้อเสนอระดับ 40 ล้านยูโร คงจะเพียงแค่พอที่จะก่อให้ ฟิออฯ ยอมปล่อยตัว อัมราบัต ออกจากทีมใน

3.มอยเซส ไคเซโด้ (ไบรท์ตัน)

ลิเวอร์พูลตกเป็นข่าวกับมิดฟิลด์ ชาวเอกวาดอร์มาตั้งแต่ ช่วงซัมเมอร์ปีที่แล้ว รวมทั้งมีแถลงการณ์ว่าพวกเขายังคงตั้งเป้าที่จะคว้าตัวดาวเตะวัย 21 ปีรายนี้เข้ามาให้ได้

ไคเซโด้ นับว่าเป็นนักเตะที่ครบเครื่องสุด ๆ เป็นสไตล์บ็อกซ์ทูบ็อกซ์ที่วางบอลยาวได้อย่างแม่นยำ ซึ่งทำให้เขาสามารถสร้างประโยชน์ในการเล่นเกมสวนกลับอย่างดีเยี่ยมที่สุด

อย่างไรก็ตาม ทางต้นสังกัดอย่าง ไบรท์ตัน ไม่ได้มีแผนในการที่จะปล่อย ไคเซโด้ ออกจากทีมในเดือนนี้ ซึ่งเป็นที่เช้าใจกันว่า “เดอะ ซีกัลส์” ตั้งค่าหัวไว้ที่ประมาณ 45 ล้านปอนด์ และทำให้ลิเวอร์พูล อาจต้องไปลุ้นเอาในช่วงซัมเมอร์นี้แทน

2.มาเธอุส นูเนส (วูล์ฟแฮมป์ตัน)

มิดฟิลด์ชาวโปรตุกีสเคยมีข่าวสารเชื่อมโยงกับลิเวอร์พูล มาแล้ว ก่อนที่สุดท้ายเจ้าตัวจะย้ายมาอยู่กับ วูล์ฟแฮมป์ตัน เมื่อช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา

อย่างไรก็ตามมีกล่าวว่าทีม ลิเวอร์พูล ของ เจอร์เก้น คล็อปป์

พร้อมออกไล่ล่าตัวมาร่วมทีมอีกครั้ง หลังจากนักเตะรายนี้มีคุณสมบัติที่เหมาะสมในการมาทดแทน เฮนเดอร์สัน โดยเล่นได้อีกทั้งเกมรุกและรับ จ่ายบอลได้ดี พร้อมการอ่านเกมที่เด็ดขาด

1.จู๊ด เบลลิงแฮม (ดอร์ทมุนด์)

เชื่อว่าชื่อของ เบลลิงแฮม น่าจะเป็นแข้งที่แฟนหงส์ ชอบมากที่สุดแล้ว โดยที่ลิเวอร์พูล ก็มีข่าวพันพัวกับดาวเตะ ทีมชาติอังกฤษมาอย่างสม่ำเสมอ แล้วก็ที่สำคัญเจ้าหนูจู๊ด ก็เคยเล่นด้วยกันมาแล้วในนามทีมชาติอังกฤษในศึกฟุตบอลโลก 2022 ที่ผ่านมาด้วย

ต้องยอมรับว่านับตั้งแต่ที่ดาวเตะวัย 19 ปีย้ายจาก เบอร์มิงแฮม ไปอยู่กับ ดอร์ทมุนด์ เขาก็พัฒนาฝีเท้ากระทั่งกลายเป็นหนึ่งในมิดฟิลด์ระดับต้น ๆ ของยุโรปไปแล้ว และก็ไม่ต้องสงสัยเลยว่าถ้าเขาได้ย้ายมาอยู่กับ “หงส์แดง” คงจะเข้ามายกระดับแดนกลางของทีม พร้อมตอบแทน เฮนเดอร์สัน ได้แบบไม่มีข้อกังขา

สื่อดังเผย หงส์แดง ทีมเต็งซิว จูด เบลลิงแฮม เสริมทัพตลาดซัมเมอร์นี้

สื่อดังรายงาน ลิเวอร์พูลคือทีมเต็งที่จะเซ็นสัญญา จูด เบลลิงแฮม กองกลาง โบรุสเซีย ดอร์ตมุนด์ มาร่วมทีมในตลาดนักเตะซัมเมอร์ 2023

สำหรับ เบลลิงแฮม กลายเป็นหนึ่งในนักเตะที่เนื้อหอมมากสุดในยุโรปหลังเจ้าตัวโชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยมทั้งกับ ดอร์ตมุนด์ รวมถึงทีมชาติอังกฤษ

จากผลงานที่เกิดขึ้นทำให้แข้งวัย 19 ปีรายนี้ตกเป็นเป้าหมายเสริมทัพของบรรดาบิ๊กทีม ทั้งลิเวอร์พูล, แมนเชสเตอร์ ซิตี้ และเรอัล มาดริด ขณะที่นักเตะเองก็แสดงท่าทีว่าต้องการย้ายออกจาก “เสือเหลือง” และจะไม่เซ็นสัญญาฉบับใหม่กับทีมที่กำลังจะหมดลงในปี 2024

จนล่าสุด ฟลอเรียน แพลตเทนเบิร์ก ผู้สื่อข่าวของ “สกาย เยอรมนี” เปิดเผยว่า “หงส์แดง” คือทีมเต็งในการเซ็น เบลลิงแฮม มาเสริมแกร่งในตลาดหน้าร้อนนี้ “เราทุกคนคิดว่า เบลลิงแฮม จะย้ายออกจากทีมในช่วงซัมเมอร์นี้ และไม่มีทางที่ดอร์ตมุนด์ จะรั้งเขาไว้ได้ในตอนนี้”

“แต่เขามีสัญญาที่ไม่มีเงื่อนไขการปล่อยตัว ดังนั้นป้ายราคาจึงสูงมาก ดอร์ตมุนด์ต้องการค่าตัวระหว่าง 100-150 ล้านยูโรสำหรับเขาในช่วงซัมเมอร์”

“มีเป้าหมายอยู่สามเป้าหมายสำหรับเขา – เรอัล มาดริด, แมนฯ ซิตี้ และลิเวอร์พูล เป็นหนึ่งในทีมเต็ง และ เจอร์เก้น คล็อปป์ ก็ผลักดันในดีลนี้ และบอกว่าเขาเป็นเป้าหมายเสริมทัพอันดับ 1 ของเขา”

“คล็อปป์ ยังไม่ได้พูดคุยกับเบลลิงแฮมเป็นการส่วนตัว แต่ได้มีการพูดคุยกับ จูเลียน วอร์ด (ผู้อำนวยการสโมสร ลิเวอร์พูล) แล้ว ตอนนี้พวกเขาแค่ต้องค้นหาว่าใครเป็นคนจ่ายเงินค่าตัว”

"อัจฉริยะ" แฉหลักฐานเพิ่มอ้าง ดีเอสไอตบทรัพย์

“อัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์” เปิดเผยวงจรปิด ขณะที่เจ้าหน้าที่ ดีเอสไอ เข้าค้นหอพักคอนโดหรู ของอดีตกงสุล ใหญ่ประเทศนาอูรู ย่านห้วยขวาง เมื่อวันที่ 22 ธ.ค.2565 ที่ผ่านมา อ้างเป็นการ ตบทรัพย์ ต่อเนื่องจากพื้นที่ทุ่งมหาเมฆ

วันนี้ (23 ม.ค.2566) นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือ เหยื่ออาชญากรรม เปิดเปิดเผยภาพวงจรปิด ของคอนโดแห่งหนึ่ง ย่านห้วยขวาง บันทึกภาพ ขณะมีชาย 3 คน กล่าวถึงว่าเป็นเจ้าหน้าที่จากกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ เป็นถึงระดับผู้อำนวยการ

ได้ไปแสดงตัว ต่อนิติบุคคลของคอนโด พร้อมกล่าวถึงว่า มาสืบคดีพิเศษ เพื่อขอเข้าตรวจหาห้องพักที่คาดว่าเป็นห้องของอดีตกงสุลใหญ่ ประเทศนาอูรู โดยไม่แสดงหมายค้น หรือ หมายจับ

รูปภาพจากกล้องวงจรปิดบันทึก เวลาได้ขณะเข้าไปตรวจค้น เวลา 17.54 น. โดยใช้เวลาประมาณ 20 นาที และกลับออกมา พร้อมกับทรัพย์สินอะไรบางอย่าง ซึ่งนายอัจฉริยะ เปิดเผยว่า การเข้าตรวจค้นครั้งนี้ เป็นการตบทรัพย์ ต่อเนื่องมาจากพื้นที่ทุ่งมหาเมฆ

นอกจากนี้ นายอัจฉริยะ ยังอ้างถึงว่า พฤติกรรมของเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ กลุ่มนี้ทำเป็นขบวนการ ก่อเหตุบ่อยมาก และเกี่ยวข้อง กับการปล้นบ้านชาวจีนที่ ต.หนองปรือ จ.ชลบุรี และก็มีพฤติกรรม เรียกรับสินบนจาก ธุรกิจบ่อทราย น้ำมันเถื่อน รวมทั้งของเถื่อน เพื่อส่งเงินให้กับ ผู้บริหารระดับสูงของดีเอสไอ ซึ่งตนต้องการให้มีการเข้าไปตรวจตราห้องทำงาน ของผู้บริหารของดีเอสไอด้วย

สำหรับหลักฐาน วงจรปิดดังกล่าว นายอัจฉริยะ เคยไปร้องไว้ที่ สถานีตำรวจทุ่งมหาเมฆ ในความผิด ร่วมกันลักทรัพย์ ในเวลากลางคืน และ ร่วมกันบุกรุก ซึ่งจะต้องประสาน ให้ตำรวจ สน.ทุ่มหาเมฆ ส่งข้อมูลให้ ตำรวจ สถานีตำรวจห้วยขวางในการดำเนินคดีต่อไป

สั่งพักราชการ 5 ดีเอสไอ ตบทรัพย์ ชาวจีนปลอมพาสปอร์ต ขณะค้นบ้านพัก กงสุลใหญ่นาอูรู

โฆษกดีเอสไอ เผย คำสั่ง พักราชการ 5 เจ้าหน้าที่ดีเอสไอ ชุดปฏิบัติการร่วมคดี ค้นบ้านพักกงสุล ใหญ่นาอูรู ถูกกล่าวหา ตบทรัพย์แลก ปล่อยตัวแก๊งจีนเลียนแบบพาสปอร์ต ขณะรอง ปลัดกระทรวงยุติธรรม แจง เหตุผลย้าย ‘ไตรยฤทธิ์ เตมหิวงศ์’ อธิบดีดีเอสไอ เพื่อตรวจสอบ ข้อเท็จจริง เพราะเหตุว่ามีข่าวสาร เจาะจงพบคนใกล้ชิด เกี่ยวข้อง

นางพิชญา ธารากรสันติ ผู้ประกาศกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ผู้ประกาศดีเอสไอ) ได้เปิดเผยว่า ตามปรากฏข้อเท็จจริงที่มีผู้ร้องเรียนกล่าวโทษ โดยได้นำหลักฐาน การตรวจค้นจับตัวของเจ้าหน้าที่ กรมสอบสวนคดีพิเศษ ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ

มีการยักยอกเงินของกลาง รวมทั้งเรียกรับ เพื่อแลกเปลี่ยนกับการปล่อยตัว ชาวจีน 11 คนที่จับกุมตัวได้ในบ้าน จนกระทั่งเป็นเหตุให้มีการออก หมายจับเจ้าหน้าที่กรมสอบสวน คดีพิเศษ 5 นาย เจ้าหน้าที่ตำรวจ อีกจำนวนหนึ่ง ในฐานความผิดเป็นเจ้าพนักงานร่วมกันเรียก รับ หรือยอม จะรับทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใด สำหรับตัวเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบ, เป็นเจ้าพนักงานร่วมกันปฏิบัติหน้าที่ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ,เป็นเจ้าพนักงานด้วยกันเพื่อจะช่วยเหลือคนอื่นมิให้ต้องได้รับโทษ หรือให้รับโทษน้อยลง ทำให้เสียหาย ทำลาย ซุกซ่อน เอาไปเสียหรือทำให้สูญหาย หรือไร้ประโยชน์ ซึ่งพยานหลักฐานในการกระทำความผิด เป็นกรณีมีมูลว่ากระทำผิดวินัยร้ายแรง โดยการตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัย แล้ว

เพื่อเป็นไปตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.)

ระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 มาตรา 57 (10) มาตรา 101,กฎ เดือนกุมภาพันธ์ ว่าด้วยการดำเนินการทางวินัย พ.ศ. 2556 ข้อ 78 และก็ข้อ 81 โดยกรณีดังกล่าวเป็นเรื่อง เกี่ยวกับพฤติการณ์ อันไม่น่าไว้วางใจ แม้ให้อยู่ในหน้าที่ ราชการต่อไปจะเป็นอุปสรรคต่อการสอบสวนพิจารณา แล้วก็อาจเกิดการเสียหายแก่ราชการ จึงเห็นสมควรพักราชการเจ้าหน้าที่อีกทั้ง 5 นายไว้ก่อน

ส่วนคำบัญชา ของนายสมศักดื์ เทพสุทิน เมื่อวันที่ 18 ม.ค. ที่ผ่านมา ที่ให้ นายไตรยฤทธิ์ เตมหิวงศ์ อธิบดีดีเอสไอ ไปปฏิบัติหน้าที่ราชการ ที่สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ แล้วก็รักษาราชการแทน ผู้อำนวยการสถา บันนิติวิทยาศาสตร์ แล้วให้ พ.ต.ต.สุริยา สิงหกมล ผู้อำนวยการสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ไปปฏิบัติหน้าที่ราชการ ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษแล้วก็ให้รักษา ราชการแทนอธิบดีดีเอสไอนั้น

นายวัลลภ นาคบัว รองปลัดกระทรวงยุติธรรม เปิดเผยระหว่างการแถลงข่าว ที่ทำเนียบรัฐบาลในวันนี้ (20 ม.ค. 66) ว่า เมื่อเรื่องนี้เกิดขึ้นมีการขยายผล ได้มีการให้ข่าวว่า จากพฤติการณ์กรณีดังกล่าวนั้น มีบุคคลใกล้ชิดกับท่านอธิบดี ท่านไตรยฤทธิ์ เข้าไปเกี่ยวข้องในเชิงประสานงาน นี้เองเนื่องจาก ข้อสังการของท่านนายกรัฐมนตรี ที่ทำให้เกิดความโปร่งใสที่สุด ซึ่งเพื่อบรรยากาศแวดล้อม

ในการตรวจทานข้อความจริง ลดข้อกังวลเรื่องการให้ข้อมูล เมื่อวันที่ 18 ม.ค. ที่ผ่านมา รัฐมนตรีว่าการ กระทรวงยุติธรรม ดังกล่าว 2 ท่านที่ย้ายสลับกัน ทั้งสองท่านมีประสบการณ์ ในกรมที่เพิ่งจะย้ายไป ดำรงตำแหน่งอยู่แล้ว อยู่ในกลุ่มภารกิจเดียวกัน

“ช่วงนี้ต้องให้โอกาสท่าน สุริยา ที่ได้รับมอบหมาย จากรัฐมนตรีสมศักดิ์ เทพสุทินเข้าไป อาจใช้คำว่าเข้าไปปัดกวาดบ้านของเราอีกทีหนึ่ง แต่ต้องกราบเรียนว่าทั้งสองท่าน ไม่ได้มีความผิดอะไรเป็นเรื่องที่มีการย้ายเพื่อความเหมาะสม” รองปลัดกระทรวงยุติธรรม กล่าว

สหพันธ์มวยไทยฯ ประกาศแบนทุกชาติร่วมแข่ง กุน ขแมร์ ไทยถอนนักกีฬาลุยซีเกมส์

สหพันธ์มวยไทยนานาชาติ ข่มขู่ประกาศเเบน ทุกชาติที่ส่งนักกีฬาร่วมเเข่งขัน กุน ขแมร์ Kun Khmer ศิลปะการต่อสู้ของกัมพูชา ในซีเกมส์ 2023

กรณีการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 32 คณะกรรมการโอลิมปิกกัมพูชา ประกาศอย่างเป็นทางการ ตัดกีฬามวยไทยออก ให้กุน ขแมร์ Kun Khmer มวยเขมรซึ่งเป็นศิลปะ การต่อสู้ของกัมพูชาใส่แข่งขันแทน โดยมีการชิงเหรียญทองถึง 17 เหรียญ ซึ่งประเทศไทยยืนยัน จะไม่ส่งนักกีฬาแข่งขัน มวยกัมพูชา Kun Khmer หลังพบว่าใช้กฎกติกามวยไทย ตัวอย่างเช่น การต่อยได้ 3 ยก แล้วก็การออกอาวุธได้เสมือนๆกันหมด เรียกได้ว่าก็อปปี้มวยไทยในทุกรูปแบบเลยก็ว่าได้

คณะกรรมการโอลิมปิกกัมพูชา ได้แจ้งกับสหพันธ์ กีฬาซีเกมส์เรียบร้อยแล้ว โดย กุน ขแมร์จะถูกจัดแข่งในซีเกมส์ครั้งนี้ เบื้องต้นคาดว่าจะมีประเทศ เข้าร่วมการแข่งขันเพียง 3 ประเทศเท่านั้น คือ ผู้จัดงานกัมพูชา , สปป.ลาว และเมียนมาร์ ด้วยเหตุว่า 3 ประเทศนี้ไม่ได้เป็นสมาชิก IFMA

โดยกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 32 หรือ แคมโบเดีย 2023 ระหว่างวันที่ 5-17 เดือนพฤษภาคม 2566 ณ กรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา มีการชิงชัยถึง 608 เหรียญทอง จาก 37 ชนิดกีฬา ในส่วนกีฬามวยเว้นเสียแต่ กุน ขแมร์จะมีให้ชิง 17 เหรียญทองแล้ว คิกบ็อกซิ่ง ยังชิงอีก 17 เหรียญทอง โววีนัม ชิง 30 เหรียญทอง รวมทั้ง กุน โบกาตอร์ ศิลปะการต่อสู้ของกัมพูชาอีกชนิดหนึ่ง ชิงอีก 21 เหรียญทอง ซีเกมครั้งนี้ถือว่ามีการชิงเหรียญทองมากสุดในประวัติศาสตร์

ล่าสุด สหพันธ์มวยไทยนานาชาติ (IFMA) ประกาศข่มขู่เเบนทุกชาติที่ส่งนักกีฬาเข้าร่วมการเเข่งขันมวยKun Khmerในศึกซีเกมส์ 2023 ที่ประเทศกัมพูชา โดยจะแบนไม่ให้เข้าร่วมแข่งขัน “มวยไทย” หรือ “มวย” ในอนาคตอีกถัดไป

โดยในการเเข่งขันซีเกมส์ครั้งที่ 32 ที่กำลังจะถึงนี้ กัมพูชา ผู้จัดงานประกาศตัดมวยไทยออก ให้ “KUN KHMER” หรือ “กุน ขแมร์” เข้ามาเสียบแทน กฏกติกาทุกอย่างยังเป็นของมวยไทย นั้นทำให้ IFMA ไม่พอใจ ขู่ว่าหากชาติไหนส่งนักกีฬาเข้าเเข่งขันรายการดังกล่าวจะถูกเเบนจากทุกการเเข่งขันที่ IFMA รับรอง

ขณะที่ประเทศไทยก็ยืนยันจะไม่ส่งนักกีฬาเข้าร่วมเช่นกัน โดยสหพันธ์มวยไทยนานาชาติ ยืนยันไม่รับรองกติกานี้ หากใครเข้าร่วมแข่งขันถือว่ามีความผิด ต้องโทษแบนสถานเดียวนื่องจากทุกอย่างใน Kun Khmer ของกัมพูชา เป็นของ มวยไทย

สรุปดราม่า กัมพูชาเปลี่ยน “มวยไทย” เป็น “กุน ขแมร์” แข่งซีเกมส์ 2023

กลายเป็นประเด็นร้อนในวงการกีฬาตลอดยาวนานหลายวันที่ผ่านมา กับการที่ กัมพูชา ประกาศจัดแข่ง กุน ขแมร์ในศึกซีเกมส์ 2023 โดยไม่ยอมใช้ชื่อ “มวย” อีกทั้งที่กฎกติกาเช่นเดียวกันดูเหมือนจะทุกกระเบียด ทำเอาฝ่ายไทยประกาศแบนไม่ขอส่งแข่ง ขณะที่ IFMA ลั่น จะแบนทุกชาติที่ร่วมแข่งขัน
มหกรรมกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 32 ที่ประเทศกัมพูชา ซึ่งมีกำหนดแข่งกันระหว่างวันที่ 5-17 พ.ค. 2566 เกิดประเด็นดราม่าที่เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์กันอย่างมากมาย เมื่อฝ่ายจัดการแข่งขันเผยว่าจะไม่มีการแข่งขันกีฬา “มวย” ในการแข่งขันคราวนี้ แต่จะจัดแข่งกีฬากุน ขแมร์ แทน โดยอ้างถึงว่าเป็นศิลปะการป้องกันตัวของชาติเจ้าภาพ

“ตามกฎบัตรซีเกมส์ ประเทศที่เป็นเจ้าภาพของการแข่งขันสามารถกำหนดชื่อของชนิดกีฬาได้แล้วก็คิดว่า คำว่า มวย เป็นการใช้เพื่อสื่อถึงกีฬา KICKBOXING มากกว่า” วัธ จำเริน เลขาธิการคณะกรรมการโอลิมปิกกัมพูชา กล่าว

“พวกเรามีจุดยืนว่าการใช้กุน ขแมร์ จะหลีกหลีกเลี่ยงความงวยงง ในฐานะผู้ครอบครองวัฒนธรรมของศิลปะการป้องกันตัวรวมทั้งในฐานะเจ้าของงาน”

“เราได้ทำงานอย่างหนักเพื่อเติมเต็มความปรารถนาของพวกเราที่จะใช้คำนี้ในการแข่งขัน พวกเรามั่นใจว่าการจัดการแข่งขันซีเกมส์จะประสบความสำเร็จ อย่างกับชื่อกุน ขแมร์ ซึ่งเป็นเรื่องของเกียรติรวมทั้งความเคารพต่อราชอาณาจักร”

ในเวลาเดียวกันนี้ ทางฝั่งกัมพูชายังเผยว่ามี 4 ชาติให้การยอมรับแล้ว ประกอบด้วย เวียดนาม, ลาว, ติมอร์ เลสเต และก็ กัมพูชา เจ้าของงาน ซึ่งจัดว่าครบ 4 ชาติตามธรรมนูญของสหพันธ์ซีเกมส์เรียบร้อยแล้ว

“กุน ขแมร์” คืออะไร
กุน ขแมร์(Kun Khmer) เป็นกีฬาต่อสู้ที่มีบ้านเกิดเมืองนอนในประเทศกัมพูชา ชื่ออย่างเป็นทางการคือ Kbach Kun Pradal Khmer ในภาษาเขมร ซึ่งหมายถึง “การต่อสู้อย่างอิสระ” โดยทางกัมพูชากล่าวถึงว่ากุน ขแมร์ คือศิลปะการต่อสู้ที่มีมาอย่างยาวนาน รวมทั้งฯลฯตำรับของการต่อสู้อย่าง “มวยไทย” อีกด้วย

ส่วนกติกาการแข่งขันกุน ขแมร์ ใช้กติกาเหมือนมวยไทยสมัครเล่นทุกอย่าง ออกอาวุธได้เช่นเดียวกัน และต่อย 3 ยกเหมือนกัน แต่ที่ผ่านมาไม่มีการจัดแข่งในซีเกมส์มาก่อนเพราะว่า กัมพูชา พึ่งจะได้มีโอกาสเป็นเจ้าภาพครั้งแรกในคราวนี้ โดยที่ผ่านมาในการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ จะใช้คำว่า “มวย” สำหรับการแข่งขันมวยไทยหรือคิกบ็อกซิ่งมาตลอด

เสียงสะท้อนกลับจากฝั่งไทย

มีรายงานว่า สมาคมกีฬามวยไทยสมัครเล่นแห่งประเทศไทย ยืนยันว่าจะไม่ส่งนักกีฬา เข้าร่วมการแข่งขันครั้งนี้ เนื่องจากที่ผ่านมาในซีเกมส์มีการตกลงกันไว้แล้วว่าให้ใช้ชื่อ “มวย” และสาเหตุสำคัญคือเจ้าของงานไม่ได้ให้ สหพันธ์มวยไทยนานาชาติ (อีฟม่า-IFMA) เข้ามาจัดการแข่งขัน เท่ากับว่า กุน ขแมร์เป็นกีฬาที่ไม่ถูกรับรองโดยสหพันธ์กีฬานานาชาติที่ถูกต้อง

นอกเหนือจากนี้ยังมีการเปิดเผยว่า กัมพูชา ได้นำ “เทคนิเคิล แฮนด์บุ๊ก” ของไทย ซึ่งเป็นคู่มือการแข่งขันไปใช้ทั้งหมด เท่ากับว่ากติกาทุกอย่างเหมือนกันทุกประการ ต่างกันแค่เปลี่ยนชื่อจาก มวย เป็นกุน ขแมร์ เท่านั้น ซึ่งสภาโอลิมปิกแห่งเอเชีย (โอซีเอ) รวมทั้ง คณะกรรมการโอลิมปิกสากล (ไอโอซี) ได้ทำหนังสือแจ้งไปแล้วว่าถ้าจะจัด “กุน ขแมร์” ต้องมีคำว่ามวย ในวงเล็บ และก็ให้ อีฟม่า รับรอง แต่ทางฝั่งเจ้าของงานก็ไม่มีการแก้ไขเปลี่ยนแปลงใดๆก็ตาม

ขณะที่สหพันธ์มวยไทยนานาชาติ (IFMA) ก็ประกาศยืนยันในทิศทางเดียวกันว่า กีฬามวยไทยแล้วก็คิกบ็อกซิ่งในซีเกมส์จะต้องใช้ชื่อ “มวย” เท่านั้น ด้วยเหตุว่าแม้จะเปลี่ยนชื่อไปแต่กติกาของกีฬาชนิดนี้ทุกอย่างยังคงราวกับมวยไทย พร้อมประกาศด้วยว่า ถ้าเกิดชาติใดส่งนักกีฬาเข้าแข่งขันรายการดังกล่าว ก็จะถูกแบนจากแมตช์ที่ อีฟม่า รับรองอย่างแน่นอน

ก็เลยต้องติดตามกันว่าสุดท้ายแล้ว กุน ขแมร์จะได้จัดการแข่งขันในซีเกมส์ครั้งนี้หรือไม่ ซึ่งตอนนี้มีเพียง 3 ประเทศที่ประกาศว่าจะส่งนักกีฬาเข้าแข่งขัน ได้แก่ กัมพูชา ลาว และก็ เมียนมา แต่ตามกฎของสหพันธ์ซีเกมส์แล้วกีฬาแต่ละชนิดจะต้องมีประเทศเข้าร่วมแข่งอย่างน้อย 4 ชาตินั่นเอง